Cute Box Frog

วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2565

กิจกรรมที่ 5 Data for computer project

 การเขียนโปรแกรม(programming)


การเขียนโปรแกรมหมายถึง

กระบวนการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อกำหนดโครงสร้างของข้อมูลและกำหนดขั้นตอนวิธีเพื่อใช้แก้ปัญหาที่ได้ออกแบบไว้โดยอาศัยหลักเกณฑ์การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์แต่ละภาษา 


ภาษาโปรแกรมคืออะไร?

 ภาษาโปรแกรมแต่ละภาษาจะมีลักษณะหรือรูปแบบการเขียนที่แตกต่างกันการเลือกภาษาโปรแกรมหรือภาษาคอมพิวเตอร์เพื่อนำมาเขียนโปรแกรมนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่างเช่นนโยบายของบริษัท,ความเหมาะสมของโปรแกรมกับลักษณะงานที่จะถูกนำไปใช้,การเข้ากันได้กับโปรแกรมอื่นๆ,หรืออาจเป็นความถนัดของแต่ละคน ภาษาโปรแกรมที่มีแนวโน้มในการนำมาเขียนมักเป็นภาษาที่มีคนที่สามารถเขียนได้ทันทีหรือหากมีความจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้ภาษาอื่นเช่นต้องการเน้นประสิทธิภาพในการทำงานของโปรแกรมก็อาจจำเป็นต้องหานักเขียนโปรแกรมขึ้นมาจำนวนหนึ่งซึ่งมีความรู้ความเข้าใจในภาษาโปรแกรมที่ต้องการและองมีคอมไพเลอร์ที่รองรับภาษาเหล่านั้นด้วย


การเขียนโปรแกรมสามารถแบ่งออกเป็น 3 แบบได้แก่



1.การเขียนโปรแกรมโครงสร้าง (Structure Programming)

คือ การกำหนดขั้นตอนให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน โดยมีโครงสร้างการควบคุมพื้นฐาน 3 หลักการ ได้แก่ การทำงานแบบลำดับ ( Sequence ) การเลือกกระทำตามเงื่อนไข( Decision ) และการทำซ้ำ ( Loop )



2.การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object-oriented Programming : OOP)

คือวิธีการเขียนโปรแกรม โดยอาศัยแนวคิดของวัตถุชิ้นหนึ่ง มีความสามารถในการปกป้องข้อมูล และการสืบทอดคุณสมบัติ ซึ่งทำให้แนวโน้มของ OOP ได้รับการยอมรับและพัฒนามาใช้ในระบบต่าง ๆ มากมาย   เช่น ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เป็นต้น




3.การเขียนโปรแกรมเชิงจินตภาพ (Virus Programming)

คือการพัฒนาโปรแกรมที่ผู้เขียนโปรแกรมสามารถมองเห็นผลลัพธ์ของงาน เมื่อมีการกระทำการโปรแกรมได้ตั้งแต่ขณะพัฒนาโปรแกรม โดยไม่จำเป็นต้องรอให้การพัฒนาเสร็จสมบูรณ์ โดยตัวแปลภาษาได้เตรียมสิ่งแวดล้อมในการทำงาน (development environment) และเครื่องมือ หรือชิ้นส่วนที่ผู้พัฒนาต้องใช้ในการสร้างงานไว้ให้สามารถเรียกใช้งานได้ โดยที่ไม่ต้องลงมือสร้างเอง เครื่องมือหรือชิ้นส่วนที่ระบบเตรียมไว้ให้



ขั้นตอนการเขียนโปรแกรม(Programming Methodology)



 

1.การวิเคราะห์ปัญหา (Problem salving)

คือการทำความเข้าใจกับปัญหาเพื่อแยกให้ออกว่าข้อมูลที่กำหนดมาในปัญหาหรือเงื่อนไขของปัญหาคืออะไร และสิ่งที่ต้องการคืออะไร อีกทั้งวิธีการที่ใช้ประมวลผล ในการวิเคราะห์ปัญหาใด


2. การออกแบบโปรแกรม (Program Design)

คือการออกแบบขั้นตอนวิธีในการแก้ปัญหา ผู้แก้ปัญหาควรใช้แผนภาพหรือเครื่องมือในการแสดงขั้นตอนการทำงานเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใน เช่น ผังงาน (flowchart) ที่จำลองขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหาในรูปของสัญลักษณ์  รหัสลำลอง (pseudo code) ซึ่งเป็นการจำลองขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหาในรูปของคำบรรยาย


3. การเขียนโปรแกรม (Program coding)

คือการดำเนินการแก้ปัญหา (Implementation) หลังจากที่ได้ออกแบบขั้นตอนวิธีเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ต้องลงมือแก้ปัญหาโดยใช้เครื่องมือที่ได้เลือกไว้ หากการแก้ปัญหาดังกล่าวใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยง่าน ขั้นตอนนี้ก็เป็นการใช้โปรแกรมสำเร็จหรือใช้ภาษาคอมพิวเตอร์เขียนโปรแกรมแก้ปัญหา ขั้นตอนนี้ต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับเครื่องมือที่เลือกใช้ซึ่งผู้แก้ปัญหาต้องศึกษาให้เข้าใจและเชี่ยวชาญ ในขณะที่ดำเนินการหากพบแนวทางที่ดีกว่าที่ออกแบบไว้ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้


4. ทดสอบโปรแกรมและแก้ข้อผิดพลาด (Program testing and Debugging)

คือการตรวจสอบและปรับปรุง (Refinement) หลังจากที่ลงมือแก้ปัญหาแล้ว ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าวิธีการนี้ให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง โดยผู้แก้ปัญหาต้องตรวจสอบว่าขั้นตอนวิธีที่สร้างขึ้นสอดคล้องกับรายละเอียดของปัญหา


คริปสรุปพื้นฐานการเขียนโปรแกรม





ประโยชน์ของการเขียนโปรแกรม


ปัจจุบันคอมพิวเตอร์นับว่ามีประโยชน์ต่อมวลมนุษย์มากขึ้นทั้งในด้านการทำงานแทนมนุษย์ในชีวิตประจำวันเช่น ระบบการเงินการธนาคาร การควบคุมเส้นทางการบิน 
การผลิตไฟฟ้าการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆหรือการให้ความบันเทิงด้านภาพ และเสียงหรือที่เรียกกันว่าดูหนังฟังเพลงตลอดจนประโยชน์ทางด้านค้นคว้าการศึกษาเช่นการเชื่อมต่อ Internet ค้นคว้าข้อมูลที่มีผู้รวบรวมเอาไว้การที่คอมพิวเตอร์สามารถทำงานตามที่มนุษย์ต้องการได้นั้นจำเป็นที่ผู้ควบคุมจะต้องป้อนคำสั่งให้แก่คอมพิวเตอร์ให้ทำงานตามลำดับขั้นตอนที่ต้องการคำสั่งที่ใช้ควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นเราเรียกว่าภาษาคอมพิวเตอร์ซึ่งมีผู้คิดค้นวิธีการเขียนคำสั่งภาษาที่ติดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ์เอาไว้มากมายและสามารถใช้งานได้ทั้งในระดับต่าง ๆ


ตัวอย่างโปรแกรมประยุกต์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน




คุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นโปรแกรมเมอร์


1.ต้องเป็นผู้ที่มีความสนใจในการใช้งานคอมพิวเตอร์ 
2.เป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้น อยากพัฒนางานให้ดีขึ้นจากที่มีอยู่
3.เป็นผู้ที่ขยันหมั่นค้นคว้าหาความรู้ที่จะนำมาพัฒนาการเขียนโปรแกรมอยู่เสมอ 
4.มีความคิดกว้างไกลคาดการณ์ถึงความจำเป็นในการใช้งานคอมพิวเตอร์ในเรื่องนั้น ๆ ในอนาคต 
5.เห็นช่องทางในการพัฒนางานประจำวันหรืองานใหม่ๆโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องทุ่นแรง 
6.รู้จักวิธีการผ่อนคลายความตึงเครียดเพราะการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์บางครั้งอาจหมกหมุ่นมากเกินไปจะทำให้เสียสุขภาพต้องรู้จักพักผ่อนบ้าง 
7.เป็นผู้ที่รู้จักฟังความคิดเห็นของคนอื่นที่แนะนำเพราะบางครั้งการเขียนโปรแกรมหมายถึงการเขียนให้คนอื่นได้ใช้ด้วยถ้าได้รับคำแนะนำที่ดีก็ควรทำการปรับปรุงโปรแกรมเป็นต้น 
8.ต้องเป็นคนใฝ่รู้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกันแต่ไม่อวดรู้เพราะจะทำให้ขาดโอกาสที่ดีในการพัฒนาโปรแกรมเนื่องจากในปัจจุบันเทคโนโลยีด้านนี้ก้าวไปอย่างรวดเร็ว อาจมีผู้คิดค้นเทคนิคใหม่ได้ ดีกว่าที่เราคิดเอาไว้

สาขาวิชาที่มีการเรียนการสอนการเขียนโปรแกรม


๐วิศวกรรมซอฟต์แวร์ 
๐วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ 
๐วิทยาการคอมพิวเตอร์ 
๐คอมพิวเตอร์เพื่อธุรกิจ 
๐การจัดการสารสนเทศ 
๐เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต 
๐เทคโนโลยีสารสนเทศ
๐ระบบสารสนเทศทางคอมพิวเตอร์ 
๐คอมพิวเตอร์ศึกษา

จบไปแล้วทำงานอะไร

- พัฒนาโปรแกรม เขียนโปรแกรมต่างๆ
- วิศวกรวางระบบคอมพิวเตอร์
- วิศวกรดูแลเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์
- ผู้ผลิตและพัฒนาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
- Security System คอยคุ้มกันฐานข้อมูลสำคัญให้แก่หน่วยงานต่างๆ
- กราฟฟิคดีไซเนอร์ ออกแบบและเขียนคำสั่งการทำงานของกราฟฟิคต่างๆ
- ที่ปรึกษาด้านคอมพิวเตอร์
- เซลส์หรือฝ่ายการตลาดด้านธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์



วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2564

กิจกรรมที่ 3 พรบ.คอมพิวเตอร์(ฉบับที่ 2/2560)

พรบ.คอมพิวเตอร์(ฉบับที่2/2560)

พรบ.คอมพิวเตอร์คืออะไร

พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก็คือพระราชบัญญัติที่ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่ว่านี้ก็เป็นได้ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค สมาร์ตโฟน รวมถึงระบบต่างๆ ที่ถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ด้วย ซึ่งเป็นพ.ร.บ.ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อป้องกัน ควบคุมการกระทำผิดที่จะเกิดขึ้นได้จากการใช้คอมพิวเตอร์

13 เรื่องที่ห้ามทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์และบทลงโทษ

1. เข้าถึงระบบ หรือข้อมูลของผู้อื่นโดยไม่ชอบ

 หากเข้าไปเจาะข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ของคนอื่น โดยที่เจ้าของข้อมูลไม่ได้อนุญาต (ละเมิด Privacy) หรือในเคสที่เรารู้จักกันดีก็คือ การปล่อยไวรัส มัลแวร์เข้าคอมพิวเตอร์คนอื่น เพื่อเจาะข้อมูลบางอย่าง หรือพวกแฮคเกอร์ ที่เข้าไปขโมยข้อมูลของคนอื่นก็มีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

บทลงโทษ

เข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์: จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์: จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์และนำไปเปิดเผย: จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ดักรับข้อมูลคอมพิวเตอร์: จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 2. แก้ไข ดัดแปลง หรือทำให้ข้อมูลผู้อื่นเสียหาย

ในข้อนี้จะรวมหมายถึงการทำให้ข้อมูลเสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง เพิ่มเติมข้อมูลของผู้อื่นโดยมิชอบ หรือจะเป็นในกรณีที่ทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ อย่างเช่น กรณีของกลุ่มคนที่ไม่ชอบใจกับการกระทำของอีกฝ่าย แล้วต่อต้านด้วยการเข้าไปขัดขวาง ทำร้ายระบบเว็บไซต์ของฝ่ายตรงข้าม ให้บุคคลอื่นๆ ใช้งานไม่ได้ ก็มีความผิด

บทลงโทษ

ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

แต่ถ้าเป็นกรณีกระทำต่อระบบหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตร 12 หรือเข้าถึงระบบ ข้อมูลด้านความมั่นคงโดยมิชอบ จะต้องได้รับโทษจำคุก 3-15 ปี และปรับ 6 หมื่น – 3 แสนบาท และถ้าเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อบุคคลอื่น ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับ 2 แสนบาท และถ้าเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ต้องจำคุก 5-20 ปี และปรับ 1-2 แสนบาท

3. ส่งข้อมูลหรืออีเมลก่อกวนผู้อื่น หรือส่งอีเมลสแปม

 ข้อนี้ก็เข้ากับประเด็นพ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ หรือนักการตลาดที่ส่งอีเมลขายของที่ลูกค้าไม่ยินดีที่จะรับ หรือที่รู้จักกันว่า อีเมลสแปม หรือแม้แต่การฝากร้านตาม Facebook กับ IG ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ และยังรวมถึงคนที่ขโมย Database ลูกค้าจากคนอื่น แล้วส่งอีเมลขายของตัวเองค่ะ

บทลงโทษ

ถ้าส่งโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มา ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และถ้าส่งโดยไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธตอบรับได้โดยงาน ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

การทำการตลาดออนไลน์ที่ดี ควรนึกถึงจิตใจของผู้บริโภคเป็นสำคัญค่ะ หากอยากส่งอีเมล ก็ควรที่จะถามความยินยอมจากลูกค้าก่อนว่าเขาต้องการรับข่าวสารจากเราไหม หรือไม่ก็หันมาทำคอนเทนต์ดีๆ อย่าง Inbound Marketing ที่สามารถดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาหาคุณได้ด้วยความเต็มใจค่ะ

หรือหากอยากทราบเทคนิคการขายบนโลกออนไลน์ที่แตกต่างและได้ผล ลองดูบทความทิ้งเทคนิคการขายแบบเดิมๆ เริ่มต้นวิธีใหม่ๆ และทำกำไร 1 ล้านใน 24 ชั่วโมง

 4. เข้าถึงระบบ หรือข้อมูลทางด้านความมั่นคงโดยมิชอบ

โพสต์เกี่ยวกับเรื่องการเมืองที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายหรือความมั่นคงต่อประเทศ หรือโพสต์ที่เป็นการก่อกวน หรือการก่อการร้ายขึ้น ก็มีความผิดค่ะ เพราะมาตรา 12 ได้บอกไว้ว่าการเข้าถึงระบบหรือข้อมูลทางด้านความมั่งคงโดยมิชอบ หรือการโพสต์ข้อความในโลกออนไลน์ที่เข่าข่ายข้อมูลเท็จที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือทำให้ประชาชนเกิดอาการตื่นตระหนก และล่วงรู้ถึงมาตรการการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์และนำไปเปิดเผย

บทลงโทษ

กรณีไม่เกิดความเสียหาย: จำคุก 1-7 ปี และปรับ 2 หมื่น – 1.4 แสนบาท

กรณีเกิดความเสียหาย: จำคุก 1-10 ปี และปรับ 2 หมื่น – 2 แสนบาท

กรณีเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย: จำคุก 5-20 ปี และปรับ 1 แสน – 4 แสนบาท

5. จำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งเพื่อนำไปใช้กระทำความผิด

กรณีทำเพื่อเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ตามมาตรา 5-11 (หรือข้อ 1-3 ในบทความนี้) ต้องจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีผู้นำไปใช้กระทำความผิด ผู้จำหน่ายหรือผู้เผยแพร่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วย

กรณีทำเพื่อเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ มาตรา 12 ต้องจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากมีผู้นำไปใช้กระทำความผิด ผู้จำหน่ายหรือผู้เผยแพร่ต้องรับผิดชอบร่วมด้วย

 6. นำข้อมูลที่ผิด พ.ร.บ. เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์

 ในความผิดมาตรา 14 จะระบุโทษการนำข้อมูลที่เปิดพ.ร.บ.เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 ข้อความผิดด้วยกันคือ

โพสต์ข้อมูลปลอม ทุจริต หลอกลวง

โพสต์ข้อมูลความผิดเกี่ยวกับความมั่งคงปลอดภัย

โพสต์ข้อมูลความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ก่อการร้าย

โพสต์ข้อมูลลามก ที่ประชาชนเข้าถึงได้

เผยแพร่ ส่งต่อข้อมูล ที่รู้แล้วว่าผิด

บทลงโทษ

หากเป็นการกระทำที่ส่งผลถึงประชาชน ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นกรณีที่เป็นการกระทำที่ส่งผลต่อบุคลใดบุคคลหนึ่ง ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (ยอมความกันได้)

7. ให้ความร่วมมือ ยินยอม รู้เห็นเป็นใจกับผู้ร่วมกระทำความผิด

กรณีนี้ถ้าเทียบให้เห็นภาพชัดๆ ก็เช่น เพจต่างๆ ที่เปิดให้มีการแสดงความคิดเห็น แล้วมีความคิดเห็นที่มีเนื้อหาผิดกฎหมายก็มีความผิดค่ะ แต่ถ้าหากแอดมินเพจตรวจสอบแล้วพบเจอ และลบออก จะถือว่าเป็นผู้ที่พ้นความผิด

บทลงโทษ

แต่ถ้าไม่ยอมลบออกต้องได้รับโทษ ถือว่าเป็นผู้กระทำความผิดตามมาตร 14 ต้องได้รับโทษเช่นเดียวกันผู้โพสต์ หรือแสดงความคิดเห็นทางออนไลน์ แต่ถ้าผู้ดูแลระบบพิสูจน์ได้ว่า ตนได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการแจ้งเตือนแล้วไม่ต้องรับโทษ

ผู้ให้บริการมีหน้าที่เก็บข้อมูลการใช้งานไม่น้อยกว่า 90 วัน ในกรณีที่จำเป็น ศาลอาจสั่งให้เก็บข้อมูลเพิ่มได้ไม่เกิน 2 ปี

 8. ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงภาพ

ความผิดข้อนี้ แบ่งออกเป็น 2 ประเด็นหลักคือ

การโพสต์ภาพของผู้อื่นที่เกิดจากการสร้าง ตัดต่อ หรือดัดแปลง ที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อย่างเช่นกรณีที่เอาภาพดาราไปตัดต่อ และตกแต่งเรื่องขึ้นมา จนทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหาย ก็ถือว่ามีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ค่ะ

การโพสต์ภาพผู้เสียชีวิต หากเป็นการโพสต์ที่ทำให้บิดามารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย

บทลงโทษ

หากทำผิดตามนี้ ต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท

9. เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเยาวชน ต้องกระทำโดยปกปิดไม่ให้ทราบตัวตน

ข้อนี้มีขึ้นเพื่อปกป้องเด็กและเยาวชน เพราะเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือก็คือยังเป็นเด็กอยู่ หากถูกเปิดเผยตัวตน อาจทำให้ใช้ชีวิตในสังคมได้ลำบากขึ้น อาจเกิดการถูกดูหมิ่น เกลียดชัง หรือโดนตามตัวโดยมิจฉาชีพได้ แต่ข้อห้ามนี้ก็มีข้อยกเว้นเหมือนกันคือ สามารถเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนได้ หากข้อมูลนั้นเป็นการยกย่อง เชิดชู ให้เกียรติ

บทลงโทษ

จำคุก 1-3 ปี และปรับ 2 หมื่น – 2 แสนบาท

10. เผยแพร่เนื้อหาลามก อนาจาร

เป็นเรื่องที่ทราบดีอยู่แล้ว และใน พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฉบับนี้เอง ก็ห้ามเปิดเผยเนื้อหาลามก อนาจาร สู่สาธารณะ ที่คนอื่นๆ สามารถเห็นได้

บทลงโทษ

จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 11. กด Like & Share ถือเป็นวิธีหนึ่งในการเผยแพร่ข้อมูล

คิดว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักกับปุ่มไลค์กับปุ่มแชร์บนโลก Social Media หรอกใช่ไหมคะ

และก็เชื่อด้วยว่าวันๆ หนึ่ง เรากดปุ่มพวกนี้กันอยู่เสมอ เมื่อใน พ.ร.บ.ฉบับนี้ กำหนดว่าการกด Like & Share ถือเป็นการเผยแพร่ข้อมูล ก็แสดงว่าหากข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลปลอม เท็จ หรืออะไรก็ตามแต่ นั่นเท่ากับว่าเราผิดกฎหมาย พ.ร.บ. แล้ว

ดังนั้นก่อนไลค์ก่อนแชร์ ก็พิจารณากันให้ชัวร์นะคะ

บทลงโทษ

จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 12. แสดงความคิดเห็นที่ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

หากคุณมีเพจเป็นของตัวเอง การหมั่นเช็คข้อความบนหน้าเพจก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากถูกตรวจเจอข้อความที่ผิดกฎหมาย คุณจะมีความผิดด้วย

บทลงโทษ

จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 13. ละเมิดลิขสิทธิ์ นำผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตนเอง

ข้อนี้สำคัญ ควรต้องระวังไว้ให้มาก การนำผลงานของคนอื่นมาเป็นของตนเอง โดยปกติก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีอยู่แล้ว ซึ่งใน พ.ร.บ. ฉบับนี้ก็ได้มีการให้โทษกับผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย โดยหากนำผลงานของผู้อื่นมาใช้ในเชิงพาณิชย์ จะถือว่ามีความผิด และต้องได้รับโทษ

บทลงโทษ

จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พ.ร.บ ตัวเต็ม

กรณีศึกษา: การทำผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

“เอเชียซอฟท์” ผนึกกำลังเจ้าหน้าที่ ปอท. บุกจับกุมตัวผู้กระทำผิดเผยแพร่ โปรแกรมช่วยเล่นเกมออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ 


https://sites.google.com/site/ruamchai123/assignment-1

มีความผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 13 ลงโทษจำคุก 2 เดือน ปรับ 7,000 บาท รอลงอาญา

วันนี้ (6 มิ.ย.) บริษัทเอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกับกองปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) แถลงข่าวการจับกุมผู้เผยแพร่โปรแกรมช่วยเล่นเกมออนไลน์ โดยผู้กระทำผิดมีการจัดทำเว็บไซต์ ddprogame.blogsport.com ขึ้นเพื่อกระจายโปรแกรมช่วยเล่นดังกล่าวหลังจากมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับที่ 2 ก็มีเคสที่เข้าข่ายกระทำความผิด พ.ร.บ. ออกมาให้เห็นกันบ้างค่ะ เพื่อสร้างความเข้าใจมากขึ้น เราเลยขอยกตัวอย่างเคสที่อาจผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาให้อ่านกันค่ะ


วันศุกร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2564

What is blog

 WHAT IS BLOG ???



BLOG เป็นคำรวมมาจากคำว่า เว็บล็อก เป็นรูปแบบเว็บไซต์ประเภทหนึ่ง ซึ่งถูกเขียนขึ้นในลำดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้แรกสุด บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงก์ ซึ่งบางครั้งจะรวมสื่อต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือวิดีโอ


วิธีสร้างBLOG




Credit : https://www.youtube.com/watch?v=KTetWaYIM70


เทคนิคในการสร้างบล็อกให้น่าสนใจ

ตกแต่งบทความให้น่าอ่านโดยการจัดหน้าตาของโพส ให้ดูสวยงาม และง่ายต่อการอ่าน ไม่ว่าจะเป็น 

• การขึ้นบรรทัดใหม่และการจัดวางพารากราฟ (4 บรรทัด ต่อ พารากราฟ กำลังสวย) 
• การใช้ Bullet เพื่อช่วยให้อ่านง่ายและดูน่าสนใจ • การปรับขนาดและสีสันของตัวอักษร ทั้งในส่วนของหัวข้อย่อย และในตัวเนื้อหา • การใช้ตัวหนา-ตัวเอียง เพื่อเน้นข้อความ 
• การเลือกใช้รูปแบบ Font ที่เหมาะสม 
• การเพิ่มรูปภาพประกอบ ให้ดูมีสีสัน มีชีวิตชีวา • การเพิ่ม External Links ที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหา และเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน

ตกแต่งบทความให้น่าอ่านโดยการจัดหน้าตาของโพส ให้ดูสวยงาม และง่ายต่อการอ่าน ไม่ว่าจะเป็น • การขึ้นบรรทัดใหม่และการจัดวางพารากราฟ (4 บรรทัด ต่อ พารากราฟ กำลังสวย) • การใช้ Bullet เพื่อช่วยให้อ่านง่ายและดูน่าสนใจ • การปรับขนาดและสีสันของตัวอักษร ทั้งในส่วนของหัวข้อย่อย และในตัวเนื้อหา • การใช้ตัวหนา-ตัวเอียง เพื่อเน้นข้อความ • การเลือกใช้รูปแบบ Font ที่เหมาะสม • การเพิ่มรูปภาพประกอบ ให้ดูมีสีสัน มีชีวิตชีวา • การเพิ่ม External Links ที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหา และเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านตกแต่งบทความให้น่าอ่านโดยการจัดหน้าตาของโพส ให้ดูสวยงาม และง่ายต่อการอ่าน ไม่ว่าจะเป็น • การขึ้นบรรทัดใหม่และการจัดวางพารากราฟ (4 บรรทัด ต่อ พารากราฟ กำลังสวย) • การใช้ Bullet เพื่อช่วยให้อ่านง่ายและดูน่าสนใจ • การปรับขนาดและสีสันของตัวอักษร ทั้งในส่วนของหัวข้อย่อย และในตัวเนื้อหา • การใช้ตัวหนา-ตัวเอียง เพื่อเน้นข้อความ • การเลือกใช้รูปแบบ Font ที่เหมาะสม • การเพิ่มรูปภาพประกอบ ให้ดูมีสีสัน มีชีวิตชีวา • การเพิ่ม External Links ที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหา และเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน

วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2564

My first blog


 My Profile




Name: Eakkarin Chaitongkham                             
                           
     Nickname:Guy                                                            
                                                      
 Age:17:years old                                                    
                                                    
 Birthday:18 March 2004                                         
                                       
  Academy:Yupparaj chiang Mai Wittayalai School   

My Hobby: play game with friends,watch youtube

My friends


name friends:Gon Non Fluck Guy Geela Top Mod-X Ton Get 


Performance



science day 


Chinese new year





Favorite Song





My dream

 

engineer

       As a child, I saw the design of the engineers who designed my family's home, which made me decide to be an engineer because it's cool.    
 






กิจกรรมที่ 5 Data for computer project

  การเขียนโปรแกรม(programming) การเขียนโปรแกรมหมายถึง กระบวนการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อกำหนดโครงสร้างของข้อมูลและกำหนดขั้นตอนวิธีเพื่อใช้แก้ปัญหา...