Cute Box Frog

วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2565

กิจกรรมที่ 5 Data for computer project

 การเขียนโปรแกรม(programming)


การเขียนโปรแกรมหมายถึง

กระบวนการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อกำหนดโครงสร้างของข้อมูลและกำหนดขั้นตอนวิธีเพื่อใช้แก้ปัญหาที่ได้ออกแบบไว้โดยอาศัยหลักเกณฑ์การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์แต่ละภาษา 


ภาษาโปรแกรมคืออะไร?

 ภาษาโปรแกรมแต่ละภาษาจะมีลักษณะหรือรูปแบบการเขียนที่แตกต่างกันการเลือกภาษาโปรแกรมหรือภาษาคอมพิวเตอร์เพื่อนำมาเขียนโปรแกรมนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่างเช่นนโยบายของบริษัท,ความเหมาะสมของโปรแกรมกับลักษณะงานที่จะถูกนำไปใช้,การเข้ากันได้กับโปรแกรมอื่นๆ,หรืออาจเป็นความถนัดของแต่ละคน ภาษาโปรแกรมที่มีแนวโน้มในการนำมาเขียนมักเป็นภาษาที่มีคนที่สามารถเขียนได้ทันทีหรือหากมีความจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้ภาษาอื่นเช่นต้องการเน้นประสิทธิภาพในการทำงานของโปรแกรมก็อาจจำเป็นต้องหานักเขียนโปรแกรมขึ้นมาจำนวนหนึ่งซึ่งมีความรู้ความเข้าใจในภาษาโปรแกรมที่ต้องการและองมีคอมไพเลอร์ที่รองรับภาษาเหล่านั้นด้วย


การเขียนโปรแกรมสามารถแบ่งออกเป็น 3 แบบได้แก่



1.การเขียนโปรแกรมโครงสร้าง (Structure Programming)

คือ การกำหนดขั้นตอนให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน โดยมีโครงสร้างการควบคุมพื้นฐาน 3 หลักการ ได้แก่ การทำงานแบบลำดับ ( Sequence ) การเลือกกระทำตามเงื่อนไข( Decision ) และการทำซ้ำ ( Loop )



2.การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object-oriented Programming : OOP)

คือวิธีการเขียนโปรแกรม โดยอาศัยแนวคิดของวัตถุชิ้นหนึ่ง มีความสามารถในการปกป้องข้อมูล และการสืบทอดคุณสมบัติ ซึ่งทำให้แนวโน้มของ OOP ได้รับการยอมรับและพัฒนามาใช้ในระบบต่าง ๆ มากมาย   เช่น ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เป็นต้น




3.การเขียนโปรแกรมเชิงจินตภาพ (Virus Programming)

คือการพัฒนาโปรแกรมที่ผู้เขียนโปรแกรมสามารถมองเห็นผลลัพธ์ของงาน เมื่อมีการกระทำการโปรแกรมได้ตั้งแต่ขณะพัฒนาโปรแกรม โดยไม่จำเป็นต้องรอให้การพัฒนาเสร็จสมบูรณ์ โดยตัวแปลภาษาได้เตรียมสิ่งแวดล้อมในการทำงาน (development environment) และเครื่องมือ หรือชิ้นส่วนที่ผู้พัฒนาต้องใช้ในการสร้างงานไว้ให้สามารถเรียกใช้งานได้ โดยที่ไม่ต้องลงมือสร้างเอง เครื่องมือหรือชิ้นส่วนที่ระบบเตรียมไว้ให้



ขั้นตอนการเขียนโปรแกรม(Programming Methodology)



 

1.การวิเคราะห์ปัญหา (Problem salving)

คือการทำความเข้าใจกับปัญหาเพื่อแยกให้ออกว่าข้อมูลที่กำหนดมาในปัญหาหรือเงื่อนไขของปัญหาคืออะไร และสิ่งที่ต้องการคืออะไร อีกทั้งวิธีการที่ใช้ประมวลผล ในการวิเคราะห์ปัญหาใด


2. การออกแบบโปรแกรม (Program Design)

คือการออกแบบขั้นตอนวิธีในการแก้ปัญหา ผู้แก้ปัญหาควรใช้แผนภาพหรือเครื่องมือในการแสดงขั้นตอนการทำงานเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใน เช่น ผังงาน (flowchart) ที่จำลองขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหาในรูปของสัญลักษณ์  รหัสลำลอง (pseudo code) ซึ่งเป็นการจำลองขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหาในรูปของคำบรรยาย


3. การเขียนโปรแกรม (Program coding)

คือการดำเนินการแก้ปัญหา (Implementation) หลังจากที่ได้ออกแบบขั้นตอนวิธีเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ต้องลงมือแก้ปัญหาโดยใช้เครื่องมือที่ได้เลือกไว้ หากการแก้ปัญหาดังกล่าวใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยง่าน ขั้นตอนนี้ก็เป็นการใช้โปรแกรมสำเร็จหรือใช้ภาษาคอมพิวเตอร์เขียนโปรแกรมแก้ปัญหา ขั้นตอนนี้ต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับเครื่องมือที่เลือกใช้ซึ่งผู้แก้ปัญหาต้องศึกษาให้เข้าใจและเชี่ยวชาญ ในขณะที่ดำเนินการหากพบแนวทางที่ดีกว่าที่ออกแบบไว้ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้


4. ทดสอบโปรแกรมและแก้ข้อผิดพลาด (Program testing and Debugging)

คือการตรวจสอบและปรับปรุง (Refinement) หลังจากที่ลงมือแก้ปัญหาแล้ว ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าวิธีการนี้ให้ผลลัพธ์ที่ถูกต้อง โดยผู้แก้ปัญหาต้องตรวจสอบว่าขั้นตอนวิธีที่สร้างขึ้นสอดคล้องกับรายละเอียดของปัญหา


คริปสรุปพื้นฐานการเขียนโปรแกรม





ประโยชน์ของการเขียนโปรแกรม


ปัจจุบันคอมพิวเตอร์นับว่ามีประโยชน์ต่อมวลมนุษย์มากขึ้นทั้งในด้านการทำงานแทนมนุษย์ในชีวิตประจำวันเช่น ระบบการเงินการธนาคาร การควบคุมเส้นทางการบิน 
การผลิตไฟฟ้าการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆหรือการให้ความบันเทิงด้านภาพ และเสียงหรือที่เรียกกันว่าดูหนังฟังเพลงตลอดจนประโยชน์ทางด้านค้นคว้าการศึกษาเช่นการเชื่อมต่อ Internet ค้นคว้าข้อมูลที่มีผู้รวบรวมเอาไว้การที่คอมพิวเตอร์สามารถทำงานตามที่มนุษย์ต้องการได้นั้นจำเป็นที่ผู้ควบคุมจะต้องป้อนคำสั่งให้แก่คอมพิวเตอร์ให้ทำงานตามลำดับขั้นตอนที่ต้องการคำสั่งที่ใช้ควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นเราเรียกว่าภาษาคอมพิวเตอร์ซึ่งมีผู้คิดค้นวิธีการเขียนคำสั่งภาษาที่ติดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ ์เอาไว้มากมายและสามารถใช้งานได้ทั้งในระดับต่าง ๆ


ตัวอย่างโปรแกรมประยุกต์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน




คุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นโปรแกรมเมอร์


1.ต้องเป็นผู้ที่มีความสนใจในการใช้งานคอมพิวเตอร์ 
2.เป็นผู้ที่มีความกระตือรือร้น อยากพัฒนางานให้ดีขึ้นจากที่มีอยู่
3.เป็นผู้ที่ขยันหมั่นค้นคว้าหาความรู้ที่จะนำมาพัฒนาการเขียนโปรแกรมอยู่เสมอ 
4.มีความคิดกว้างไกลคาดการณ์ถึงความจำเป็นในการใช้งานคอมพิวเตอร์ในเรื่องนั้น ๆ ในอนาคต 
5.เห็นช่องทางในการพัฒนางานประจำวันหรืองานใหม่ๆโดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องทุ่นแรง 
6.รู้จักวิธีการผ่อนคลายความตึงเครียดเพราะการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์บางครั้งอาจหมกหมุ่นมากเกินไปจะทำให้เสียสุขภาพต้องรู้จักพักผ่อนบ้าง 
7.เป็นผู้ที่รู้จักฟังความคิดเห็นของคนอื่นที่แนะนำเพราะบางครั้งการเขียนโปรแกรมหมายถึงการเขียนให้คนอื่นได้ใช้ด้วยถ้าได้รับคำแนะนำที่ดีก็ควรทำการปรับปรุงโปรแกรมเป็นต้น 
8.ต้องเป็นคนใฝ่รู้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกันแต่ไม่อวดรู้เพราะจะทำให้ขาดโอกาสที่ดีในการพัฒนาโปรแกรมเนื่องจากในปัจจุบันเทคโนโลยีด้านนี้ก้าวไปอย่างรวดเร็ว อาจมีผู้คิดค้นเทคนิคใหม่ได้ ดีกว่าที่เราคิดเอาไว้

สาขาวิชาที่มีการเรียนการสอนการเขียนโปรแกรม


๐วิศวกรรมซอฟต์แวร์ 
๐วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ 
๐วิทยาการคอมพิวเตอร์ 
๐คอมพิวเตอร์เพื่อธุรกิจ 
๐การจัดการสารสนเทศ 
๐เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต 
๐เทคโนโลยีสารสนเทศ
๐ระบบสารสนเทศทางคอมพิวเตอร์ 
๐คอมพิวเตอร์ศึกษา

จบไปแล้วทำงานอะไร

- พัฒนาโปรแกรม เขียนโปรแกรมต่างๆ
- วิศวกรวางระบบคอมพิวเตอร์
- วิศวกรดูแลเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์
- ผู้ผลิตและพัฒนาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
- Security System คอยคุ้มกันฐานข้อมูลสำคัญให้แก่หน่วยงานต่างๆ
- กราฟฟิคดีไซเนอร์ ออกแบบและเขียนคำสั่งการทำงานของกราฟฟิคต่างๆ
- ที่ปรึกษาด้านคอมพิวเตอร์
- เซลส์หรือฝ่ายการตลาดด้านธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์



กิจกรรมที่ 5 Data for computer project

  การเขียนโปรแกรม(programming) การเขียนโปรแกรมหมายถึง กระบวนการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อกำหนดโครงสร้างของข้อมูลและกำหนดขั้นตอนวิธีเพื่อใช้แก้ปัญหา...